ผมตอบรับสะเปะสะปะเพราะความไม่ชำนาญแต่ก็พยายามที่จะตอบสนองเขาให้มากที่สุด จนเมื่อปากเริ่มเจ่อบวมขึ้นเล็กน้อยคนกระทำถึงได้ยอมละออกไป
สายตาแปลกประหลาดเกินคาดเดามองแล้วร้อนสลับหนาวจ้องไปทั่วร่างกายผม ก่อนจะย้อนกลับขึ้นมาที่ใบหน้า หยุดนานหน่อยที่ริมฝีปาก
“เหม...คิม...”
“ถอดเสื้อ” เสียงพร่าขัดขึ้นทั้งที่ยังไม่ทันฟังผมพูดให้จบ ผมมองอีกฝ่ายนิ่งอึ้งเกือบนาที
“เหมว่าอะไร...”
“ถอดเสื้อออกสิ” ตอนนี้ดวงตาไร้คลื่นมีประกายความสนุกสนานปรากฎขึ้น เหมือนตาผมจะพร่าเบลอแต่สมองก็ยังเข้าใจสิ่งที่เขาสื่อออกมา
“แกล้งคิมเหรอ” นี่คงเป็นบทลงโทษที่ผมทำให้เขาหมดความอดทน
ถึงจะส่งสายตาค้อนขวับไปให้แต่มือก็เริ่มสัมผัสกระดุมเสื้อตัวเองอย่างสั่นเทา ปลดจากบนลงไปด้านล่างทีละเม็ดช้าๆ
เหมือนคำสอนที่เคยบอกว่าให้ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่จะทำให้อ่อยเหมได้ง่ายขึ้นของพี่เคียวจะได้ผล
จากลมหายใจที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆยามเมื่อกระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลดออก เจ้าของมือหนาคล้ายไม่อยากรอให้เสียเวลาอีกจึงยอมช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆด้วยการกระชากมันให้พ้นไปจากตัวผมเสียที
ใบหน้าร้อนผ่าวไม่อาจสู้สายตาที่จดจ้องอยู่บนยอดอกชูชัน อับอายจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง แค่ถูกมองก็แข็งแล้ว
อ่อนจริงๆเลยคิมหันต์
ผมเสมองไปทางอื่นได้ไม่นานก็ถูกเชยคางให้หันกลับมาทางเดิม
“คิมครับ ขอเหมชิมหน่อยนะคนดี”
“อ่ะ...อื้ม” ผมกดหัวลงตอบรับอย่างเอียงอาย เหมันต์สบถเบาๆอีกครั้งก่อนจะประคองเอวผมยกตัวให้สูงขึ้นสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกับริมฝีปากที่ครอบลงมาบนตุ่มไตข้างหนึ่ง
“อ๊ะ” หลุดเสียงน่าอายออกมาคงทำให้เหมยิ่งพอใจมากขึ้น เขาดูดดันอยู่อย่างนั้นเริ่มจากแผ่วเบาหนักขึ้นกลายเป็นหนักหน่วง เข่าที่ชันบนโซฟาคร่อมตักเหมเริ่มไร้เรี่ยวแรงจะประคองร่าง โชคดีที่แขนของเหมแข็งแรงพอผมถึงได้ไม่ร่วงลงพื้น
“เหม...เหม...อืออออ.....เหม”
“เหม...เหม...อืออออ.....เหม”
ร่างกายค่อยๆร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“เหม...ไป...อุ้มคิม...อ๊ะ...ที่เตียง”
ตัวลอยหวือขึ้นกลางอากาศ ตกใจกับความกะทันหันสัญชาตญาณจึงกอดรัดคุณฤดูหนาวเอาไว้ทั้งแขนและขา เกี่ยวกอดรอบคอและเอวสอบจนแน่น สองมือของเหมรองอยู่ใต้ก้นพาผมเดินเข้าไปในห้องนอนทั้งอย่างนั้น
ผมถูกวางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา พร้อมกับร่างคนอุ้มที่โถมตามลงมา ครั้งนี้คุณฤดูหนาวพุ่งเป้าไปยังยอดอกข้างใหม่ ส่วนอีกฝั่งส่งปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งบดขยี้ลงไปแทน
ผมส่งเสียงร้องด้วยความทรมานที่ถูกริมฝีปากอุ่นชื้นครอบลงมาบนเม็ดแข็งกลางหน้าอก ดูดสลับกับตวัดลิ้นเลีย ฝ่ามือข้างหนึ่งสอดเข้าใต้แผ่นหลังรั้งแผ่นอกให้ลอยเข้าหาทั้งลิ้นทั้งปากเขาได้ถนัดยิ่งขึ้น
“อ๊ะ...อ๊ะ...อื๊อออ” ผมดึงทึ้งผ้าปูที่นอนด้วยสองมือ บิดร่างกายพล่าน
เหมย้ายจากยอดอกเมื่อมันบวมแดงขึ้นทั้งคู่ ไต่ริมฝีปากต่ำลงไปเรื่อยๆ ทุกจุดที่ลากผ่านทิ้งความร้อนผ่าวเอาไว้บนผิว ผมมองทุกการกระทำด้วยความสนใจ ลืมสิ้นแล้วความอาย เหมดูหลงมัวเมากับร่างกายของผมมาก
หัวใจรู้สึกคับแน่นเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
หลังจากวนอยู่ตรงหน้าท้องก็ไล่จูบไปที่สะโพก เหมเม้มปากแน่นจนเจ็บจี้ดที่ผิวบางเป็นบางจุด เขายังวนเวียนจูบหนักสลับเบา ดึงทึ้งกางเกงผมออกจากตัวโยนทิ้งไป
“อ๊ะ” รอบนี้เหมกัดลงมาที่ข้างสะโพกตรงจุดที่มีกระดูกพอดี ตัวผมลอย แผ่นหลังไม่ติดพื้นเตียงเป็นระยะ
ก่อนที่สมองจะพร่าเบลอไปมากกว่านี้ ก็ส่งมือไปที่กระดุมกางเกงยีนส์สีเข้มของคนด้านบน ปลดและรูดซิปลงจนเกิดเสียง
เหมชะงัก เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม
ดวงตาเป็นสีเข้มแวววาว พาลให้นึกถึงคลื่นสึนามิที่พัดโถมเข้าชายฝั่ง ดูน่ากลัวเล็กน้อย
“คิม..คิมแค่อยากช่วย”
“บอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่ายั่ว” เขาดุจนผมหัวหด เคลื่อนใบหน้ากลับขึ้นมาเสมอกับผมอีกครั้ง ป้อนจูบที่รุนแรงกว่าครั้งไหน
ริมฝีปากบดเบียดกันจนแสบแต่กลับทำให้ผมรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด อารมณ์บางอย่างในกายพุ่งพล่าน เหมือนมีน้ำเดือดปุดๆในช่องท้อง
ริมฝีปากบดเบียดกันจนแสบแต่กลับทำให้ผมรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด อารมณ์บางอย่างในกายพุ่งพล่าน เหมือนมีน้ำเดือดปุดๆในช่องท้อง
ผมจูบกลับเท่าที่ตัวเองจะทำได้จากประสบการณ์อันน้อยนิด
จูบจนพอใจก็กระซิบข่มขู่รอดไรฟัน
จูบจนพอใจก็กระซิบข่มขู่รอดไรฟัน
“แค่นี้ก็ต้องเจ็บตัวหนักพอแล้ว”
ผมจ้องตากลับตอบเสียงแผ่วแต่มั่นคงขณะดันขอบกางเกงเหมหลุดลงไปพ้นสะโพก
“คิม...ยอม...เจ็บ”
“คิม...ยอม...เจ็บ”
พร้อมยกมือขึ้นคล้องรอบลำคอหนา ช้อนสายตาขึ้นมองอย่างมีความหมาย ดวงตาที่พร่ามัวมองผ่านม่านน้ำตาไปยังเหมบ่งบอกว่าเต็มใจอย่างมาก
ก่อนจะแยกปลายเท้าทั้งสองข้างออกจากกัน
ความอายวนกลับมาอีกครั้งจนต้องหันหน้าไปซุกหมอน ความกล้าที่เค้นออกมาหมดเพียงเท่านี้แล้ว
ทั้งห้องมีแต่ความเงียบคล้ายไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ทั้งที่ความจริงมีตั้งสองคน
แอบเหลือบมองเหมที่คุกเข่าอยู่ระหว่างขาผมอีกครั้งให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้วิ่งหนีไปแล้ว
“คิมหันต์” เสียงแตกพร่าคำรามราวกับสัตว์ร้ายอยู่ในลำคอ สายตาดุดัน
เหมหลุดคำหยาบออกมาอีกหลายคำ ผมตัวสั่นคิดว่าเขาอาจจะไม่พอใจก็ได้
เหมหลุดคำหยาบออกมาอีกหลายคำ ผมตัวสั่นคิดว่าเขาอาจจะไม่พอใจก็ได้
หรือผมทำตรงไหนผิดพลาดไป
แต่ก่อนจะคิดล้มเลิกการกระทำฝ่ามือร้อนก็ตะปบลงมาที่แก้มก้นบีบเค้นคลึงรุนแรงจนผมสะดุ้งเฮือก เหมแนบร่างตัวเองทาบทับลงมา คลอเคลียริมฝีปากและเป่าลมร้อนรดที่ข้างใบหู
“อยากเจ็บตัวมากไหมคนดี”
“หะ เหม”
“เหมจะฟัดให้แหลกคามือเลย” คงเป็นประโยคที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตผมแล้ว
อะไรบางอย่างที่ร้อนราวกับไฟเสียดสีอยู่ตรงโคนขาอ่อนด้านใน สะโพกเขาถูขยับขึ้นลง ตามลำคอเจ็บจี๊ดๆทุกครั้งที่เหมกดปากลงไป
ผมสติผมเริ่มพร่าเบลอ สมองฟุ้งๆเหมือนอยู่ในความฝัน
ฝันที่มีเพียงผมกับเหมันต์เท่านั้น
ความเจ็บเสียดที่ไม่ได้มากมายนักทำให้สติกลับมาเล็กน้อย รับรู้ว่าบางอย่างถูกกดเข้ามาในร่างกาย
เสียงกัดฟันของเหมนั้นดังชัดเจนพอๆกับเสียงลมหายใจของเขา
“อึก...ฮืออ”
“เจ็บไหม” คนถามพรมจูบไปทั่วใบหน้า น้ำเสียงปลอบโยน สายตาหื่นปะปนกับความเป็นห่วง ผมแทบจะลืมความเจ็บปวดไปหมด ส่ายหน้าตอบกลับไปจนเส้นผมเปียกชื้นเหงื่อสะบัดไปทั่วเตียง
“ฮึก...อึ๊ก”
“ทนหน่อยนะคนดี”
“มะ ไม่เป็น...อ่ะ...ไร”
เหมสอดมือเข้ามาที่ข้อพับใต้เข่า จับขาผมขึ้นพาดกับแขนของเขาจนมันกว้างขึ้นกว่าเดิมแล้วเริ่มขยับเชื่องช้า เป็นการขยับร่างกายที่ทรมานผมไปทุกอณู
ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน...
ทั้งทรมาน
ทั้งสุขสม
หัวใจและจิตวิญญาณคล้ายถูกจับไปยัดใส่เรือไวกิ้งแล้วเหวี่ยงขึ้นลงไม่ยอมหยุด
ทั้งทรมาน
ทั้งสุขสม
หัวใจและจิตวิญญาณคล้ายถูกจับไปยัดใส่เรือไวกิ้งแล้วเหวี่ยงขึ้นลงไม่ยอมหยุด
สะ...เสียว
“เหม...อ๊ะ...เหม....เหม...คิม...อ๊ะ..อ๊า...รักเหม” ผมบอกเสียงสั่นตามร่างกายที่ถูกกระแทกกระทันอย่างรุนแรง ได้ยินเสียงกระซิบหวานหูตอบกลับมาเช่นเดียวกัน
“เหมรู้ครับ...อา...คนดี”
🤗🤗🤗🤗🤗🤗
ตอบลบสุดไ
ตอบลบสุดมาก
ตอบลบ